เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ได้จัดกิจกรรม “มพ.รู้สู้ฝุ่นควัน” ณ ห้องประชุมเมืองพะเยา ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา เข้าทำการเปิดโครงการดังกล่าว โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐพงศ์ ดำรงวิริยะนุภาพ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้เตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ฝุ่นควันที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้นี้ จำเป็นต้องเกิดจากความร่วมมือของหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และสถาบันการศึกษา เพื่อบูรณาการการวางแผนและดำเนินการร่วมกันด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแต่ละหน่วยงาน
ดร.ธนาทิพย์ จันทร์คง รองคณบดีฝ่ายพัฒนานิสิตและนวัตกรรมเพื่อสังคม คณะวิศวกรรรมศาสตร์ มพ. จึงได้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการอบรมเชิงปฏิบัติการ มพ.รู้สู้ฝุ่นควัน ดำเนินรายการโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ธนกร ชมภูรัตน์ สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยพะเยา และได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้มีประสบการณ์ ได้แก่ ผศ.ดร. ภาสกร แช่มประเสริฐ เจ้าของเพจ ส่งต่อลมหายใจสู้ภัยฝุ่นควัน และผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการรับมือฝุ่นควัน, ผศ.ดร.ยศธนา คุณาทร ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการพื้นที่ให้ปลอดภัยจากฝุ่น, ผศ.ดร.นิอร สิริมงคลเลิศกุล ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจุดความร้อนและการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดเชียงราย, ดร. ปฏิพัทธ์ วงค์เรือง ผู้เชี่ยวชาญด้านผลกระทบของฝุ่นควันต่อสุขภาพ พร้อมทั้งร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นร่วมกับตัวแทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา โดยได้รับเกียรติจาก คุณปรีชา ทองคำเอี่ยม ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย), คุณณรงค์ชัย สุทธิกุลบุตร ประธานหอการค้าจังหวัดพะเยา, คุณสุเมธ เตชะกุลวิโรจน์ ประธาน YEC (Young Entrepreneurs Chamber of Commerce ) พะเยาตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา, ตัวแทนจากโครงการยักษ์ขาววัดฝุ่น และ ดร.วุฒิชัย ไชยรินคำ รองอธิการบดีฝ่ายคุณภาพนิสิต มหาวิทยาลัยพะเยา
ในช่วงบ่ายได้ดำเนินกิจกรรม Workshop ณ ห้องประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ การปรับปรุงพื้นที่ต้นแบบภายในมหาวิทยาลัยให้เป็นปลอดภัยจากฝุ่นควัน (Smog Safety Zone) และการสร้างเครื่องกรองแบบ DIY โดยมีความมุ่งหวังเพื่อให้เกิดเครือข่ายการรับมือสถานการณ์ฝุ่นควันของจังหวัดพะเยา และได้แนวทางบูรณาการร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการรับมือสถานการณ์ในจังหวัดพะเยา และสามารถไปขยายผลกับพื้นที่อื่นๆต่อไปได้ในอนาคต