นักวิจัยคณะบริหารธุรกิจและนิเทศศาสตร์ ร่วมรายงานปิดโครงการรอบ 12 เดือน ภายใต้แผนงานริเริ่มสำคัญ “ชุมชนนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำปี 65

นักวิจัยคณะบริหารธุรกิจและนิเทศศาสตร์ ร่วมรายงานปิดโครงการรอบ 12 เดือน ภายใต้แผนงานริเริ่มสำคัญ “ชุมชนนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำปี 65

ดร.วารัชต์ มัธยมบุรุษ ประธานหลักสูตร ปรด. สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยวและการโรงแรม พร้อมด้วย ดร.นิรมล พรมนิล อาจารย์ประจำสาขาวิชาการท่องเที่ยวและการโรงแรม นักวิจัยคณะบริหารธุรกิจและนิเทศศาสตร์ ร่วมรายงานปิดโครงการรอบ 12 เดือน ภายใต้แผนงานริเริ่มสำคัญ (Flagship) “ชุมชนนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำปี 2565 โปรแกรม 13 นวัตกรรมสำหรับเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนนวัตกรรม ณ ห้องประชุม Mayfair Ballroom C ชั้น 11โรงแรม เดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ

การปิดโครงการรอบ 12 เดือนในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากท่านธานินทร์ ผะเอม ประธานกรรมการคณะกรรมการพิจารณาติดตาม และประเมินผลภายใต้แผนงานริเริ่มสำคัญ“ชุมชนนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำปี 2565 และมีการกล่าวแจงเป้าหมายการจัดกิจกรรมรายงานปิดโครงการรอบ 12 เดือน โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วารุณี อริยวิริยะนันท์ หัวหน้าชุดประสานฯชุมชนนวัตกรรม 2565 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

และต่อมาได้มีการรายงานปิดโครงการรอบ 12 เดือน โครงการการพัฒนาชุมชนนวัตกรรมการเลี้ยงกบสู่สัตว์เศรษฐกิจเชิงพาณิชย์สร้างเศรษฐกิจและทุนชุมชนฐานรากจังหวัดพะเยา บนฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปี 2565 คณะนักวิจัย ได้แก่ ดร.วารัชต์ มัธยมบุรุษ ผู้อำนวยการแผนงานวิจัย และหัวหน้าโครงการย่อย 4 รองศาสตราจารย์ ดร.สิทธิศักดิ์ ปิ่นมงคลกุล หัวหน้าโครงการย่อย 1 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เกรียงไกร สีตะพันธุ์ หัวหน้าโครงการย่อย 2 และดร.นิรมล พรมนิล หัวหน้าโครงการย่อย 3 และมี ศาสตราจารย์ ดร.เสมอ ถาน้อย ที่ปรึกษาโครงการวิจัยในครั้งนี้ โครงการวิจัยดังกล่างประกอบด้วยโครงการย่อยภายใต้แผนงาน 4 โครงการ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงกบ การผลิตอาหารเสริมกบ การแปรรูปกบและการตลาดกบ เพื่อสร้างมาตรฐานและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตกบในจังหวัดพะเยา จากการดำเนินงานแผนงานวิจัย พบว่า การใช้เทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นช่วยคำนวณสารเคมีและฮอร์โมน เพื่อเพาะพันธุ์กบด้วยวิธีผสมเทียม ส่งผลให้เกษตรกรสามารถผลิตลูกกบได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากเดิมที่เพาะพันธุ์กบแบบธรรมชาติ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงหนอนทหารเสือลายสำหรับใช้เป็นอาหารเสริมในการเลี้ยงกบ สามารถช่วยลดต้นทุนค่าอาหารลงร้อยละ 30 ซึ่งทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 13 การใช้เทคโนโลยีการเปลี่ยนถ่ายน้ำอัตโนมัติผ่านระบบมือถือและเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าแอมโมเนียในบ่อเลี้ยงกบสามารถเพิ่มอัตราการเจริญเติบโต อัตราแลกเนื้อ และอัตราการรอดชีวิต มากกว่าการเลี้ยงแบบแรงงานคนปกติ

และเพื่อพัฒนานวัตกรชุมชนและพื้นที่เรียนรู้การเรียนรู้การเลี้ยงกบเชิงพาณิชย์ บนฐานทุนชุมชน และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อย่างน้อย 100 คน ในพื้นที่ดำเนินงานชุมชนเป้าหมาย 14 ตำบล จังหวัดพะเยา จากการดำเนินการพัฒนานวัตกรชุมชน พบว่า เกษตรกรเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ และเกิดช่องทางการตลาดใหม่ ส่งผลให้เกิดการพัฒนานวัตกรจำนวน 100 คน (ระดับ 3 จำนวน 85 คน และระดับ 4 จำนวน 15 คน) แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) นวัตกรผู้เลี้ยง 2) นวัตกรจัดการน้ำ 3) นวัตกรการแปรรูป 4) นวัตกรการตลาด โดยมีการประเมินความเป็นนวัตกรชุมชนตามเกณฑ์การให้คะแนน (Rubic Score) ที่คณะวิจัยได้สร้างขึ้น อีกทั้งหลังการพัฒนานวัตกร เกษตรกรเกิดการขยายเครือข่ายและจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกบเชิงพาณิชย์ในจังหวัดพะเยาเพิ่มขึ้น

และผลการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของแผนงานวิจัย พบว่า แผนงานวิจัยมีผลการวิเคราะห์มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net present value: NPV) มีค่าเท่ากับ 3,411,996 บาท ผลการวิเคราะห์อัตราผลตอบแทนภายใน (Internal rate of return: IRR) มีค่าเท่ากับ 3.85% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ทำให้แผนงานโครงการวิจัยนี้มีความคุ้มค่าในการลงทุน นอกจากนี้ หากพิจารณาอัตราส่วนผลรวมของมูลค่าปัจจุบันของผลได้ตลอดอายุโครงการต่อผลรวมของมูลค่าปัจจุบันของต้นทุนตลอดอายุแผนงานวิจัย เท่ากับ 1.21 เท่า นั้นแสดงว่าการลงทุนในโครงการนี้ 1 บาท ได้ผลตอบแทนถึง 1.21 บาท ทำให้แผนงานวิจัยดังกล่าวหากมีการดำเนินการต่อไปจะทำให้มีรายได้มากกว่ารายจ่าย เพิ่มขึ้น 1.21 เท่า

        

facebooktwitterline

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ภาพ :   สาขาวิชาการท่องเที่ยวและการโรงแรม   
ข้อมูล/ข่าว :    ปกบวร พูลเกษร   
เพิ่มข่าวโดย :   pokbaworn.po@up.ac.th   
27/06/2566 17:00 น. (734 วันที่แล้ว)

สถิติการอ่านข่าวนี้
วันนี้: 1 ครั้ง | เมื่อวาน: 0 ครั้ง | เดือนนี้: 1 ครั้ง | ปีนี้: 9 ครั้ง | รวม: 9 ครั้ง