มหาวิทยาลัยพะเยาสืบสานประเพณีแห่ผ้าห่มพระธาตุจอมทอง ครั้งที่ 10 ประจำปี 2568
เฉลิมฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 16 ของมหาวิทยาลัยพะเยา
.

วันที่ 26 กรกฎาคม 68 เวลา 15.00 น. อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา รองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ เป็นประธานเปิดโครงการ “ประเพณีแห่ผ้าห่มพระธาตุจอมทอง ครั้งที่ 10” ในปีนี้ถือเป็นการร่วมเฉลิมฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 16 ของมหาวิทยาลัยพะเยา จากความร่วมมือของ วิทยาลัยการศึกษา คณะศิลปศาสตร์ และคณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะสถาปัตกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ ร่วมกับ จังหวัดพะเยา เทศบาลเมืองพะเยา กับหน่วยงานราชการ เอกชน ท้องถิ่นและชุมชน สอดรับกับปณิธานมหาวิทยาลัย และเป็นไปตามยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยพะเยาในด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม เสริมสร้างเอกลักษณ์ ปลูกฝังค่านิยม สืบสานขนบธรรมเนียม ประเพณีให้กับบุคลากรและนิสิต รวมถึงการอนุรักษ์ประเพณีและศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดพะเยาเรา สร้างความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดพะเยา ผ่านขบวนแห่เครื่องสักการะ ผ้าห่มพระธาตุที่งดงามด้วยการฟ้อนชุด “ปัญญาเรืองรอง ม่วงทอง ม.พะเยา” จากนิสิตคณะศิลปศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิทยาลัยการศึกษา กว่า 100 คน ร่วมฟ้อนนำขบวนดังกล่าว การแห่ผ้าห่มพระธาตุจองทองในครั้งนี้ ได้มีการนำน้ำจากแหล่งน้ำสำคัญ 8 แห่ง โดยได้รับความร่วมมือจากศิษย์เก่าที่มีภูมิลำเนาหรือมีที่พำนักในจังหวัดที่แหล่งน้ำไหลผ่าน ร่วมทำพิธีตักน้ำเพื่อนำมาสรงพระธาตุจอมทอง คือ “แม่น้ำปิง” จังหวัดเชียงใหม่, “แม่น้ำวัง” จังหวัดลำปาง, “แม่น้ำยม” จังหวัดแพร่, “แม่น้ำน่าน” จังหวัดน่าน, “แม่น้ำโขง” จังหวัดเชียงราย, “แม่น้ำอิง” จากกว้านพะเยา จังหวัดพะเยา “แม่น้ำคงคา” จาก สาธารณรัฐอินเดีย และ “น้ำอ่างหลวง” จากแหล่งเก็บน้ำภายในมหาวิทยาลัยพะเยา แหล่งน้ำสำคัญซึ่งใช้หล่อเลี้ยงบุคลากรและนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา มาทำน้ำสำหรับใช้สรงพระธาตุจอมทองเพื่อความเป็นสิริมงคล และความร่มเย็นของชีวิตมีเครื่องสักการะที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยมีแบบอย่างมาจากเครื่องสักการะแบบล้านนาโบราณ ซึ่งนิสิตใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนและในวันหยุดมาช่วยกันทำด้วยความสมัครสมาน สามัคคี และศรัทธาที่มีต่อพระธาตุจอมทอง การที่คณะผู้จัดงานได้จัดโครการ "ประเพณีแห่ผ้าห่มพระธาตุจอมทอง" นับว่าเหมาะสมแก่กาลสมัยเพราะหากไม่การอนุรักษ์ รักษา วัฒนธรรมนี้อาจเลือนหายไปกับกาลเวลา ครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกฝ่ายจะได้ร่วมมือร่วมใจกันช่วยอนุรักษ์รักษาวัฒนธรรม ประเพณีที่มีมาแต่โบราณให้คงอยู่กับจังหวัดพะเยาสืบไป
