คลินิกกฎหมายสัญชาติ ม.พะเยา พื้นที่แห่งความหวังสำหรับนิสิตไร้สัญชาติ


คลินิกกฎหมายสัญชาติ ม.พะเยา พื้นที่แห่งความหวังสำหรับนิสิตไร้สัญชาติ
    



จากห้องเรียนสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิต เมื่ออาจารย์คณะนิติศาสตร์กลายเป็นที่พึ่งให้เด็กไร้สัญชาติได้มีโอกาสสร้างอนาคตที่เท่าเทียม ผู้ช่วยศาสตราจารย์นริษรา ประสิทธิปานวัง รองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตและสื่อสารองค์กร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ผู้สอนกฎหมายระหว่างประเทศ เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของโครงการที่เปลี่ยนชีวิตคนไปแล้วหลายสิบคน

ตลอดเวลาที่สอนกฎหมายสัญชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล จะมีนิสิตมาขอคำปรึกษา ซึ่งพบว่านิสิตเหล่านั้นเป็นนิสิตคณะนิติศาสตร์เองที่ยังไม่มีสัญชาติไทย พอเรียนเรื่องนี้จบก็มักจะเข้ามาขอคำปรึกษาถึงแนวทางในการยื่นขอสัญชาติ ว่าจะยื่นขอได้ไหม ยื่นขออย่างไรดี

อาจารย์นริษราเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เรียบง่าย แต่กลับเป็นประกายไฟที่จุดให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


จากการช่วยเหลือนิสิตคนเดียว สู่โครงการที่เปลี่ยนชีวิตหลายสิบคน

หลังจากนั้นไม่นาน เริ่มบอกต่อกันปากต่อปาก มีนิสิตจากคณะอื่นๆ ก็เริ่มมาหาอาจารย์เพื่อปรึกษาในเรื่องการพัฒนาสัญชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ

เขาก็เหมือนพาเพื่อนมาขอคำแนะนำ แล้วเราก็เริ่มคิดว่า คงไม่ได้มีแค่คนสองสามคน น่าจะมีนิสิตจำนวนหนึ่งที่มีปัญหากรณีเดียวกันในมหาวิทยาลัยต้องการรับคำปรึกษาแน่ ๆ

โครงการเฟสแรก จุดเริ่มต้นแห่งความหวัง

เมื่อโอกาสมาถึงในปี 2565-2566 อาจารย์ได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงตัดสินใจเสนอโครงการ "การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและวิชาชีพ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมแก่กลุ่มบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนในจังหวัดพะเยา (กรณีกลุ่มนิสิตที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยพะเยา)" เพื่อช่วยพัฒนาสัญชาติให้นิสิตที่มีปัญหาสถานะบุคคลในมหาวิทยาลัย

การดำเนินการเริ่มต้นจากการประสานงานกับส่วนกลางและกองกิจการนิสิตของมหาวิทยาลัยพะเยา โดยมีการตั้งคณะกรรมการดูแลนิสิตที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร ประกอบด้วย รองอธิการบดีฝ่ายคุณภาพนิสิตคณบดีคณะนิติศาสตร์ผู้ช่วยอธิการบดีรองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิต คณะนิติศาสตร์ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการผู้อำนวยการกองกิจการนิสิตผู้อำนวยการกองพัฒนาคุณภาพนิสิตและนิสิตพิการหัวหน้างานวินัยและพัฒนานิสิตสู่ความเป็นเลิศ และเจ้าหน้าที่คลินิกกฎหมาย

จากการสำรวจในเฟสแรก พบว่ามีนิสิตที่มีปัญหาเรื่องสถานะบุคคลประมาณ 50 กว่าคน และนั่นเป็นเพียงจำนวนที่นิสิตกล้าเข้ามาขอความช่วยเหลือเท่านั้น


ความท้าทายแรกเริ่ม การสร้างความไว้วางใจ

การเริ่มต้นโครงการไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด อาจารย์นริษราเล่าถึงความท้าทายในช่วงแรกว่า

ประเด็นสัญชาติเป็นเรื่อง sensitive บางคนข้อมูลไม่เคลียร์ หรือไม่สมัครใจที่จะเปิดเผยข้อมูล เขาก็ไม่กล้าเข้ามาร่วมโครงการ

ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยพบว่ามีนิสิตที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนราว 50 คน แต่นิสิตที่กล้าเดินเข้ามาไม่ค่อยเยอะในช่วงแรก ส่วนใหญ่เป็นนิสิตที่มีข้อมูลค่อนข้างชัดเจน ยินดีและสมัครใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาสัญชาติกับคลินิก

จนกระทั่งมีการดำเนินการเชิงรุกมากขึ้น โดยการร่วมมือกับชมรมสิทธิมนุษยชนของมหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งเป็นชมรมของนิสิตเอง เข้ามาช่วยส่งเสริมกิจกรรม เมื่อมีการทำงานร่วมกันกับนิสิตด้วยกัน ลักษณะการทำงานจึงเป็นในทาง "เพื่อนช่วยเพื่อน" ร่วมด้วย สถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้น

พอทำโครงการกันไปสักพัก นิสิตก็เริ่มไว้ใจและเริ่มคุยกันปากต่อปากในกลุ่มเพื่อนที่มีปัญหาเรื่องสถานะบุคคล จำนวนนิสิตที่เข้ามาปรึกษาก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และหลายคนก็สามารถยื่นขอจนได้สัญชาติไทยไปเรียบร้อยแล้ว



ยกระดับเป็น "คลินิกกฎหมายสัญชาติ" อย่างเป็นทางการ

ความสำเร็จในเฟสแรกทำให้เกิดคำถามสำคัญ จะทำอย่างไรให้โครงการนี้ดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน?

เมื่อโครงการเฟสแรกใกล้สิ้นสุด อาจารย์นริษราก็เริ่มคิดถึงความยั่งยืนของโครงการนี้ "เราไม่ได้อยากให้มันหมดโปรเจกต์แล้วจบไป เลยอยากพัฒนาให้มันเป็นคลินิกกฎหมายสัญชาติเฉพาะทาง"


Learning Space 2023: จากโครงการสู่พื้นที่การเรียนรู้ถาวร

โอกาสดีกลับมาอีกครั้งเมื่อมหาวิทยาลัยพะเยาเปิดรับสมัครการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ Learning Space 2023 ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของมหาวิทยาลัยที่จะช่วยสร้างให้เกิดการเรียนรู้แก่คนทุกระดับ ทั้งบุคลากรของมหาวิทยาลัย นิสิต นักเรียน รวมถึงประชาชน ในการใช้พื้นที่การเรียนรู้เพื่อพัฒนาความรู้ พัฒนาทักษะ ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการศึกษา การสร้างรายได้ การส่งเสริมสุขภาวะที่ดี และบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของชุมชนและสังคม

คลินิกกฎหมายสัญชาติจึงตัดสินใจส่งเข้าร่วมเป็นพื้นที่การเรียนรู้ Learning Space 2023 และประกวดรางวัล ผลปรากฏว่าได้รับการคัดเลือกในระดับ Gold ถูกบรรจุเป็นชื่อของ Learning Space พื้นที่การเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ



ไม่ใช่แค่รับเคส แต่ที่นี้คือพื้นที่เรียนรู้เรื่องสัญชาติร่วมกัน

สิ่งที่ทำให้คลินิกกฎหมายสัญชาติแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่นคือแนวทางการทำงานที่ไม่ได้แค่ให้นิสิตมาปรึกษาแล้วจบไป แต่เป็นการพัฒนาและถ่ายทอดข้อมูล ให้นิสิตที่มีปัญหาเข้ามาเรียนรู้ร่วมกับคลินิกด้วย

อาจารย์อธิบายเพิ่มเติมว่า นิสิตจะได้เรียนรู้ขั้นตอนการขอสัญชาติไทย รู้สถานะของตนเองว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มไหน จะสามารถพัฒนาสัญชาติได้หรือไม่ ต้องเตรียมเอกสารอะไร และต้องติดต่อใคร

โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ของคลินิกจะอธิบายให้นิสิตฟังเบื้องต้นถึงเงื่อนไขและขั้นตอนการได้รับสัญชาติ และให้นิสิตรวมกลุ่มที่มีเงื่อนไขการได้รับสัญชาติไทยกรณีเดียวกันมาอยู่ด้วยกันในกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มนี้ร่วมเรียนรู้กระบวนการได้สัญชาติร่วมกัน และเมื่อเพื่อนที่ผ่านกระบวนการได้สัญชาติไปแล้ว จะสามารถช่วยกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และแนวทางให้เพื่อนในกลุ่มต่อไปได้

มันเป็นเหมือนการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน พี่สอนน้อง ที่ทุกคนได้ทั้งความรู้และกำลังใจ



จากจุดเล็ก เกิดการกระเพื่อมขยายวงกว้าง จากมหาวิทยาลัยพะเยาสู่เครือข่ายสัญชาติในภาคเหนือ

จากเฟสแรกที่ช่วยเหลือแค่ในพื้นที่มหาวิทยาลัยพะเยาเท่านั้น คลินิกกฎหมายสัญชาติพัฒนาเข้าสู่เฟสที่สอง โดยเริ่มขยายขอบเขตแต่ไม่ได้ทิ้งกลุ่มนิสิตกลุ่มเดิมที่จบไปแล้วแต่ยังอยู่ในกระบวนการยื่นขอ และเริ่มขยายเครือข่ายไปนอกมหาวิทยาลัยด้วย


เครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาค

มหาวิทยาลัยพะเยาโดยคณะนิติศาสตร์ได้ทำ MOU กับมหาวิทยาลัยชั้นนำในภาคเหนือหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่รับนิสิตที่มีปัญหาสัญชาติเป็นจำนวนมาก กลายเป็นเครือข่ายที่กระจายไปทั่วภาคเหนือ ถ้ามีเคสที่มีปัญหาก็สามารถปรึกษากันหรือส่งต่อข้อมูลระหว่างกันได้

ในขณะเดียวกัน อาจารย์นริษรายังได้เชื่อมโยงกับปราชญ์ท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลงานนี้โดยตรง ขยายไปยังระดับภูมิภาค รวมไปถึงองค์กรหลักของประเทศ เช่น กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทำให้เครือข่ายแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก



ความซับซ้อนของกระบวนการที่ต้องใจเย็น

การช่วยเหลือนิสิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะองค์ประกอบของแต่ละคนในการได้สัญชาติมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป บางคนต้องจบการศึกษาเพื่อเอาวุฒิไปยื่นประกอบ บางคนไม่มีสูติบัตรต้องไปหาพยาน คนมารับรอง แล้วส่วนกลางก็ต้องมาสอบพยาน ทำให้ระยะเวลาการดำเนินการแตกต่างกันไปในแต่ละเคส


ปัญหาการสื่อสารที่พบบ่อย

ปัญหาใหญ่อีกอย่างที่พบคือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและการสื่อสารที่ผิดพลาด เช่น "ต้องเรียนจบปริญญาตรีก่อน แล้วค่อยยื่นขอสัญชาติ" ซึ่งแท้จริงแล้วในกระบวนการได้สัญชาติไทย บุคคลบางกลุ่มไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรีแล้วค่อยยื่นขอในทุกกรณี

อาจารย์นริษราอธิบายว่า "กฎหมายแบ่งการได้สัญชาติไว้หลายกรณี เช่นปัจจุบันมีการพิจารณาให้บุคคลบางกลุ่มสามารถยื่นขอสัญชาติได้เลย เช่น ถ้าเป็นกลุ่มชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ 19 กลุ่ม ที่อยู่อาศัยในไทยมานาน มีข้อเท็จจริงว่าเกิดในไทยและมีหลักฐานครบถ้วน เป็นต้น"


บทบาทของคลินิกกฎหมายสัญชาติ ที่ปรึกษาและผู้ติดตาม

คลินิกกฎหมายสัญชาติไม่ได้จับมือนิสิตเพื่อไปยื่นเอกสารขอสัญชาติ แต่ทำหน้าที่เป็น Back Office ให้ความรู้ ตรวจเอกสาร และเป็นที่ปรึกษา

เป้าหมายหลักคือการให้ตัวนิสิตซึ่งเป็นเคสเจ้าของปัญหาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง รวบรวมเอกสารเอง แต่คลินิกจะอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุน และที่สำคัญคือการติดตาม เพราะปัญหานี้ไม่จบแค่ให้คำปรึกษา มันต้องติดตามว่าตอนนี้ถึงขั้นตอนไหน มีอะไรติดขัดไหม

อาจารย์นริษราเล่าด้วยรอยยิ้ม "แม้จะดูเหนื่อย แต่ก็คุ้มค่าเมื่อเห็นนิสิตได้สัญชาติไทย"



ช่วยต้องช่วยให้สุด จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

อีกจุดที่น่าสนใจคือคลินิกไม่ได้ช่วยเฉพาะคนที่มีสิทธิ์ได้สัญชาติไทยเท่านั้น กลุ่มที่ไม่ได้เกิดในไทยแต่มาเรียนที่นี่ก็ได้รับการดูแลเช่นกัน

เด็กกลุ่มนี้ยังไม่ได้สัญชาติไทยในปัจจุบัน แต่เราไม่ทิ้ง เราให้เขาเรียนรู้ว่าถ้าอยากได้สัญชาติไทย มีแนวทางอื่นอีกไหม หรือถ้าจบแล้วจะพัฒนาตัวเองอย่างไรให้มีโอกาสในชีวิตข้างหน้า



วิสัยทัศน์ที่มองไปไกลกว่าปัญหา

สิ่งที่ทำให้อาจารย์นริษราทุ่มเทกับงานนี้มากขนาดนี้คือวิสัยทัศน์ที่มองไปไกลกว่าแค่ตัวเลขของคนที่ได้รับสัญชาติ เธอมองว่าเด็กที่มีปัญหาเรื่องสัญชาติและได้โอกาสเข้ามาเรียนถึงระดับปริญญาตรีคือเด็กส่วนน้อยที่จะมีโอกาสเข้ามาถึงในจุดนี้ได้ แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในหมู่บ้านของเขา ยังมีกลุ่มคนอีกเยอะมากที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าสู่ระบบการศึกษา


เราอยากขยายองค์ความรู้ไปให้ถึงมือของกลุ่มคนเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด ไม่ได้จำกัดแค่เด็กที่มาเรียน เพราะคนในครอบครัวเดียวกัน หมู่บ้านเดียวกัน เขาก็จะมีสิทธิคล้ายๆ กัน มันจะไม่ได้ช่วยแค่ตัวเขาเอง แต่จะไปช่วยเครือญาติในกลุ่มหมู่บ้านของเขาด้วย
— ผศ.นริษรา ประสิทธิปานวัง


ความยั่งยืนที่มากกว่าเม็ดเงิน

แม้โครงการจาก สสส. จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่งานที่คลินิกก็ยังคงดำเนินต่อไป คลินิกกฎหมายสัญชาตินี้ได้เข้าบรรจุสู่ระบบการให้บริการของคลินิกกฎหมาย คณะนิติศาสตร์แล้ว

นอกจากนั้น อาจารย์นริษรายังได้สร้างเครือข่ายกับทุกภาคส่วนทั้งทางวิชาการและวิชาชีพ โดยนำร่องที่จังหวัดพะเยา ที่ทุกภาคีเครือข่ายพร้อมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ขยายไปยังระดับภูมิภาค รวมไปถึงองค์กรหลักของประเทศ เช่น กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ตลอดจนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)



บทเรียนสำคัญ

จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา อาจารย์นริษราสรุปว่า การช่วยเหลือนิสิตไร้สัญชาติไม่ใช่แค่การรับเคสแล้วจบไป แต่ต้องสร้างระบบการเรียนรู้ที่ยั่งยืน

"ถ้ารับเคสอย่างเดียว ปรึกษาแล้วจบไป การดำเนินงานง่ายกว่า แต่เราไม่ได้ทำแบบนั้น เป้าหมายคือ อยากทำให้มันกว้างมากขึ้น เพราะอยากให้องค์ความรู้เหล่านี้ไปถึงคนที่ไม่ได้มีโอกาสเข้ามาปรึกษาเราด้วยตนเองด้วย"

และที่น่าภูมิใจคือสิ่งที่พยายามทำมาตลอดนั้นสำเร็จเป็นรูปธรรมแล้ว เมื่อนิสิตที่เข้าร่วมโครงการเรียนรู้กับเราได้นำองค์ความรู้นี้ไปช่วยเหลือเพื่อนและคนในชุมชนของเขาต่อ

นอกจากนี้สิ่งที่ต่างจากคลินิกอื่น ๆ คือ เป็นคลินิกเดียวในคลินิกกฎหมายที่งานมันไม่จบแค่ให้คำปรึกษา เพราะต้องติดตาม มันต้องดูแลไปเรื่อย ๆ




คลินิกกฎหมายสัญชาติ มหาวิทยาลัยพะเยา ไม่ได้เป็นแค่สถานที่ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย แต่คือพื้นที่แห่งความหวัง ที่ให้โอกาสคนกลุ่มหนึ่งได้มีอนาคต ได้มีสิทธิ์ ได้เป็น "คนไทย" อย่างสมบูรณ์

เริ่มต้นจากห้องเรียนเล็กๆ ของอาจารย์ผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง สู่เครือข่ายที่ขยายไปทั่วภาคเหนือ นี่คือเรื่องราวที่พิสูจน์ว่า การศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้จริง เมื่อมีคนที่พร้อมจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง



📞 ติดต่อคลินิกกฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

บริการให้คำปรึกษากฎหมายฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

📍 สถานที่: อาคารเรียนรวมภูกามยาว ชั้น มหาวิทยาลัยพะเยา
☎️ โทรศัพท์: 054 466 666 ต่อ 1619
📱 มือถือ: 083 256 6446

เปิดให้บริการ: วันจันทร์-ศุกร์ (08.30 - 16.30 น.)


เขียน/เรียบเรียง: บรรเจิด หงษ์จักร นักประชาสัมพันธ์ งานสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยพะเยา

ข้อมูล: ผศ.นริษรา ประสิทธิปานวัง รองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตและสื่อสารองค์กร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา



facebooktwitterline

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ภาพ :      
ข้อมูล/ข่าว :      
เพิ่มข่าวโดย :   bunjerd.ho@up.ac.th   
11/11/2568 15:08 น. (7 ชั่วโมงที่แล้ว)

สถิติการอ่านข่าวนี้
วันนี้: 136 ครั้ง | เมื่อวาน: 0 ครั้ง | เดือนนี้: 136 ครั้ง | ปีนี้: 136 ครั้ง | รวม: 136 ครั้ง