
วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา มอบหมายให้ ดร.วุฒิชัย ไชยรินคำ รองอธิการบดีฝ่ายคุณภาพนิสิต เป็นประธานในพิธีเปิด การประชุมวิชาการระดับชาติ การแพทย์แผนไทยและสาธารณสุขวิจัย ครั้งที่ 5 ภายใต้หัวข้อ “บูรณาการศาสตร์ไทย: วิจัยและแพทย์ทางเลือกเพื่อระบบสุขภาพแห่งอนาคต” (Future Fusion: Thai Research and Holistic Medicine for Tomorrow’s Healthcare) ระหว่างวันที่ 21 – 22 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้อง UB 002 อาคาร 99 ปี พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปวง ธัมปุญโญ) มหาวิทยาลัยพะเยา
การประชุมครั้งนี้จัดโดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ร่วมกับสถาบันเครือข่ายทั่วประเทศ 11 แห่ง และองค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพระดับชาติ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 600 คน ทั้งในรูปแบบ On-site และ Online พร้อมการนำเสนอผลงานวิชาการกว่า 100 ผลงานครอบคลุมด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีน สาธารณสุข นานาชาติ และนวัตกรรมสุขภาพเพื่ออนาคต โดยมีการนำเสนอผลงานทางวิชาการที่น่าสนใจ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มสาระสำคัญ ได้แก่
1. กลุ่มการแพทย์ทางเลือก(แพทย์แผนไทยและแพทย์แผนจีน) จำนวน 37 ผลงาน
2. กลุ่มการสาธารณสุข จำนวน 37 ผลงาน
3. กลุ่ม International Session จำนวน 12 ผลงาน
4. กลุ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ทางเลือกเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางสาธารณสุข
จำนวน 16 ผลงาน

ในพธีเปิดงาน ดร.วุฒิชัย ไชยรินคำ รองอธิการบดีฝ่ายคุณภาพนิสิต ประธานในพิธีเปิด กล่าวว่า เวทีวิชาการในวันนี้เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพของประเทศ ผ่านการบูรณาการองค์ความรู้จากนักวิจัย แพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน และบุคลากรด้านสาธารณสุข เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบสุขภาพที่ครอบคลุมและยั่งยืน ทั้งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังทางวิชาการที่พร้อมร่วมกันสร้างสังคมสุขภาวะ และขับเคลื่อนภูมิปัญญาไทยให้ก้าวสู่ระดับสากลอย่างมั่นคง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมคิด จูหว้า คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ กล่าวว่า คณะสาธารณสุขศาสตร์มีความมุ่งมั่นในการเป็นสถาบันต้นแบบผู้สร้างนวัตกรสุขภาพ ผ่านการวิจัย นวัตกรรม และการพัฒนากำลังคนคุณภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างยั่งยืน งานประชุมครั้งนี้จึงเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสร้างความร่วมมือทั้งในระดับชาติและนานาชาติ มุ่งเดินหน้าผนึกกำลังกับภาคีเครือข่ายในการพัฒนาระบบสุขภาพที่ผสานภูมิปัญญาไทยเข้ากับวิทยาการสมัยใหม่ พร้อมผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในสังคม

การประชุมวิชาการครั้งนี้เป็นกลไกสำคัญที่สนับสนุนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ด้าน SDG 3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี, SDG 4 การศึกษาที่มีคุณภาพ, SDG 9 นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน, และ SDG 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านการยกระดับงานวิจัย การพัฒนาศักยภาพบุคลากร และการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างสถาบัน นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการผลักดันระบบสุขภาพไทยให้แข็งแรง ทันสมัย และสอดคล้องกับแนวโน้มสุขภาพโลก พร้อมส่งเสริมให้ภูมิปัญญาไทยก้าวสู่ระดับสากลอย่างมั่นคงและยั่งยืน