จากฝาขวดสู่ไม้แขวนเสื้อ มหาวิทยาลัยพะเยากับการสร้างนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน


จากฝาขวดสู่ไม้แขวนเสื้อ มหาวิทยาลัยพะเยากับการสร้างนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
    

ปัญหาขยะพลาสติกที่เราต้องเผชิญ


     คุณเคยสังเกตไหมว่า ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเวลาหลับ เราสร้างขยะออกมามากขนาดไหน เคยการพูดถึงว่า “คนไทย คน สามารถสร้างขยะได้ประมาณ 1.12 ถึง 1.2 กิโลกรัมต่อวัน และถ้าเป็นคนที่อยู่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร ตัวเลขนี้ก็จะสูงขึ้นไปอีก” แต่ถ้าเรามองภาพใหญ่ในระดับประเทศ โดยเฉพาะขยะพลาสติก ประเทศไทยของเราผลิตขยะพลาสติกถึงปีละ ล้านตัน และที่น่ากังวลคือมีตัวเลขอีก 36% ของจำนวนนี้เป็นพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งไม่ถูกนำมารีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่


     จากปัญหานี้เอง ทั้งภาครัฐและเอกชนจึงเริ่มให้ความสนใจในการบริหารจัดการขยะพลาสติกอย่างจริงจัง เพราะพลาสติกไม่ได้เป็นแค่ปัญหาที่เราเห็นกันอยู่ตามท้องถนนหรือลอยอยู่ในทะเล แต่มันยังกลายเป็น “ไมโครพลาสติก (Microplastic)” ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ เล็กยิ่งกว่าเส้นผมของมนุษย์ จนเราแถบไม่สามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า และมันสามารถปนเปื้อนสิ่งต่าง ๆ ทั้งบนบก ในน้ำและในอากาศ


ภัยเงียบจากไมโครพลาสติก (Microplastic)

     เมื่อพลาสติกที่เราเห็นทั่วไป ถูกทิ้งและสลายตัวในธรรมชาติ เกิดจากการแตกตัวของขยะพลาสติกขนาดใหญ่ จนกลายเป็นเศษเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “ไมโครพลาสติก (Microplastic) ซึ่งแพร่กระจายไปทุกที่โดยที่เรามองไม่เห็น บนบก มันทำให้ดินเสื่อมโทรม กระทบต่อสิ่งมีชีวิตในดินและส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารทั้งระบบ ในน้ำก็เช่นกัน เราคงเคยเห็นข่าวในทีวีที่สัตว์น้ำ ได้รับผลกระทบโดยตรงจากขยะที่ไหลจากบนบกลงสู่แม่น้ำและทะเล เพราะสัตว์น้ำเข้าใจผิดว่าพลาสติกใส ๆ ที่ลอยอยู่นั่นคืออาหาร ก็กินเข้าไปแล้วก็อุดตันระบบทางเดินอาหารจนตายในที่สุด


     นอกจากนั้นตัวของไมโครพลาสติกเอง ก็ยังเป็นสารพิษที่สะสมในร่างกายสิ่งมีชีวิตได้ และสุดท้ายคือผลกระทบทางอากาศ โดยเราสูดดมไมโครพลาสติกที่ลอยอยู่ในอากาศโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วย และขยะเหล่านี้เองก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะโลกร้อนด้วย เพราะกระบวนการผลิต การขนส่ง และการกำจัดพลาสติกล้วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาในปริมาณมหาศาล

     การลดขยะพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง ยังเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในธรรมชาติ ซึ่งเชื่อมโยงกับ SDG 14 การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และ SDG 15 การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน เพราะเมื่อขยะพลาสติกไม่ไหลลงสู่แหล่งน้ำ ไม่ตกค้างในดินหรือป่า ระบบนิเวศทั้งบนบกและใต้น้ำก็ได้รับการฟื้นฟูและปกป้องไปพร้อมกัน


มาตรการใหม่ของประเทศไทยปี 2568

     ในปี 2568 นี้เอง ประเทศไทยได้เริ่มมาตรการสำคัญหลายอย่าง เพื่อลดและแก้ไขปัญหาจากขยะพลาสติก เช่น การแบนการนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศ เพื่อลดปริมาณขยะและส่งเสริมการรีไซเคิลพลาสติกในประเทศให้มากที่สุด มีการจัดโครงการ Beat Plastic Pollution เพื่อรณรงค์การใช้วัสดุทดแทนอย่างถุงผ้าและแก้วน้ำส่วนตัว รวมถึงการผลักดันกฎหมาย EPR ซึ่งตอนนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างผลักดัน (ร่าง) พ.ร.บ. การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะ


มหาวิทยาลัยพะเยา กับสิ่งแวดล้อม


     ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้ มหาวิทยาลัยพะเยาก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่ร่วมผลักดันเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนมาตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย ทั้งเรื่องการลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลหันมาใช้พลังงานทดแทนอย่าง NGV และในปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยพะเยาได้ก้าวมาอีกขั้นเป็นองค์กรที่มีการผลักดันเรื่องพลังงานสะอาดอย่างจริงจัง ทั้งการเดินทางภายในมหาวิทยาลัยที่ใช้รถบัสไฟฟ้า 100% โดยร่วมกับโครงการ อว. For EV และการใช้พื้นที่หลังคาของกลุ่มอาคารต่าง ๆ ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน



คาร์บอนฟุตพริ้นท์และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน


     หนึ่งในประเด็นที่ทั้งโลกให้ความสนใจในขณะนี้คือ “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟฟ้า การเดินทาง การผลิต หรือแม้แต่การทิ้งขยะ ทุกอย่างล้วนปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ออกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

     มหาวิทยาลัยพะเยาตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้ จึงตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการเดินหน้าสู่ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” หรือ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งหมายความว่า มหาวิทยาลัยจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนเท่ากับศูนย์ หรือหากยังมีการปล่อยก๊าซอยู่บ้าง ก็จะมีการดูดซับหรือชดเชยให้เท่ากันพอดี เพื่อให้ผลรวมสุทธิเป็นศูนย์

     เพื่อให้การขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นไปอย่างเป็นระบบ มหาวิทยาลัยจึงได้จัดตั้ง “ศูนย์สิ่งแวดล้อมและการจัดการที่ยั่งยืน” ขึ้นมา โดยศูนย์นี้มีภารกิจสำคัญในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัย สร้างความตระหนักและการรับรู้ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ตลอดจนติดตาม วัดผล และรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของมหาวิทยาลัยอย่างสม่ำเสมอ


     ศูนย์ฯ ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการรถโดยสารโดยพลังงานไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษ การใช้พลังงานทดแทนอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตไฟฟ้า รวมถึงการส่งเสริมให้บุคลากรและนิสิตใช้จักรยานหรือเดินภายในมหาวิทยาลัย เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ทุกมาตรการเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์และเดินหน้าสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี 2050


นวัตกรรมไม้แขวนเสื้อจากฝาขวด


     หนึ่งในโครงการที่น่าสนใจที่ศูนย์สิ่งแวดล้อมได้เริ่มดำเนินการ คือ การนำฝาขวดน้ำที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาแปรรูปเป็น “ไม้แขวนเสื้อ” ที่ผลิตจากขยะพลาสติก 100% เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดในการนำวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยพะเยาในการรวบรวมฝาขวดพลาสติกมาแปรรูปเป็นไม้แขวน ซึ่งได้รับการตอบรับและความสนใจจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก รวมไปถึงบริษัทขนาดใหญ่ด้วย

     นอกจากจะช่วยลดขยะแล้ว โครงการนี้ยังช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อีกทางหนึ่ง เพราะการนำพลาสติกมารีไซเคิลใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตพลาสติกใหม่มาก และยังช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปเผาหรือฝังกลบ ซึ่งทั้งสองวิธีล้วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาจำนวนมาก

     โครงการ ไม้แขวนเสื้อจากฝาขวด ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมรีไซเคิลทั่วไป แต่สะท้อนการขับเคลื่อนตาม เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) อย่างชัดเจน โดยมี SDG 12 การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืนเป็นแกนหลักของโครงการ ผ่านการนำขยะพลาสติกที่ถูกมองว่าไร้ค่า กลับเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่อย่างมีระบบ ลดการใช้ทรัพยากรใหม่ และลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัด

     ขณะเดียวกัน การรีไซเคิลพลาสติกและการลดการเผาและฝังกลบ ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยตรง เพราะทุกขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่การรวบรวม แปรรูป ไปจนถึงการนำไปใช้ ล้วนคำนึงถึงผลกระทบด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างเป็นรูปธรรม


ความร่วมมือจากภาคเอกชน


     ปัจจุบันนี้เอง ศูนย์สิ่งแวดล้อมได้มีการขยายคู่ความร่วมมือในการจัดการขยะพลาสติก โดยมี “บริษัทอิชิตัน” ที่ได้นำฝาขวดของผลิตภัณฑ์อิชิตันที่ไม่สมบูรณ์ในกระบวนการผลิต มามอบให้เพื่อผลิตเป็นไม้แขวนเสื้อ พร้อมกับมอบเงินทุนสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยอีก 15 บาทต่อไม้แขวนเสื้อ อัน และเป้าหมายของโครงการนี้คือ การนำเอาไม้แขวนเสื้อที่ผลิตได้ ไปมอบให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่ของจังหวัดพะเยา เพื่อใช้ทดแทนไม้แขวนอันเดิม และมอบให้กับพื้นที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดหาดใหญ่ โดยผ่านมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ


     นอกจากนั้นยังมี “บริษัทอิเดมิตสึ” ซึ่งเป็นบริษัทที่นำเข้าน้ำมันเครื่องและน้ำมันหล่อลื่นจากประเทศญี่ปุ่น ได้นำเอาบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพจากกระบวนการผลิตมามอบให้ เพื่อให้ศูนย์สิ่งแวดล้อมนำมาแปรรูปเป็นไม้แขวนเสื้อเช่นกัน ความร่วมมือเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าภาคเอกชนเริ่มตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมที่จะร่วมมือกับสถาบันการศึกษา ในการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรด้วย

     ความร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างบริษัทอิชิตันและบริษัทอิเดมิตสึ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการขับเคลื่อน SDG 17 การเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะการแก้ปัญหาขยะพลาสติกไม่สามารถทำได้โดยองค์กรใดองค์กรหนึ่งเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ และภาคสังคม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่และขยายผลสู่ระดับประเทศ


ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากขยะพลาสติก


     นอกจากไม้แขวนเสื้อแล้ว ทางศูนย์สิ่งแวดล้อมได้มีการพัฒนาเป็นสิ่งของอื่น ๆ เพิ่มเติมที่นำเอาเศษขยะพลาสติกมาแปรรูป เช่น ตัวต่อเลโก้ที่ทำจากเศษพลาสติก 100% เพื่อนำเอาไปมอบให้กับเด็ก ๆ ในโรงเรียนด้อยโอกาส เพื่อให้กลุ่มเด็กเหล่านี้ได้ใช้ในการพัฒนาทักษะทางร่างกาย สติปัญญา สังคม อารมณ์ ช่วยเสริมสร้างจินตนาการให้กับเด็ก ๆ และเป็นกิจกรรมที่ให้ความเพลิดเพลินอีกด้วย

     รวมไปถึงการนำเอาขยะพลาสติกมาผลิตเป็นโมเดล 3D ทั้งโลโก้องค์กรหรืออื่น ๆ ที่ต้องการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษขยะที่หลายคนมองข้าม ซึ่งโครงการเหล่านี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาความเป็นไปได้ และพัฒนาต่อยอดเพื่อให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการของตลาด ทุกผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคมว่าขยะสามารถกลับมามีคุณค่าได้ และเป็นส่วนหนึ่งในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของประเทศอีกด้วย

     นอกจากนี้ การนำขยะพลาสติกมาแปรรูปเป็นตัวต่อเลโก้และสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก ยังสะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยพะเยาในการสนับสนุน SDG 4 การศึกษาที่มีคุณภาพ เพราะไม่เพียงแต่ลดขยะ แต่ยังเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ สร้างโอกาสทางการศึกษา และปลูกฝังแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนตั้งแต่วัยเด็ก


เริ่มต้นที่ตัวเราเอง เปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคต


     เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด จะเห็นได้ว่าการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยพะเยา ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเฉพาะจุด แต่เป็นการทำงานที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การจัดการขยะ การลดคาร์บอน การอนุรักษ์ระบบนิเวศ ไปจนถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือและการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับ SDGs หลายเป้าหมายพร้อมกัน และตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยในฐานะองค์กรต้นแบบด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

     จากเศษขยะพลาสติกที่หลายคนมองข้าม ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มากมายเพื่อสร้างการตระหนักรู้เรื่องของสิ่งแวดล้อม จนมาถึงการนำเอาเศษขยะพลาสติกที่ไร้ประโยชน์มาสร้างมูลค่าเพิ่ม เรื่องราวนี้เป็นเพียงหนึ่งในกระบวนการจัดการขยะเพื่อลดขยะในสังคมไทยลงไป แต่ยังมีการจัดการขยะในรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย เพียงแค่เราเห็นถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม

     เพราะขยะพลาสติกเองก็มีอายุในการย่อยสลายที่นานหลายชั่วอายุคน บางชนิดอาจใช้เวลาถึง 500 ปีกว่าจะย่อยสลายหมดไป และในระหว่างนั้น ก็ยังคงปล่อยสารพิษและไมโครพลาสติกออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่เราเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ลดการใช้ถุงพลาสติกมาเป็นถุงผ้าที่ใช้ได้หลายครั้ง หรือการนำเอาพลาสติกที่ยังใช้ได้กลับมาใช้ใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือการคัดแยกขยะเพื่อการจัดการขยะอย่างถูกวิธี เมื่อเราคัดแยกขยะพลาสติกออกมา มันก็จะสามารถเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ง่ายขึ้น ลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบหรือเผา และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกทางหนึ่ง

     ในอนาคตอันใกล้ ประเทศไทยของเรา ที่เราทุกคนร่วมกันผลิตขยะพลาสติกถึงประมาณปีละ ล้านตัน และในนั้นมีอีก 36% เป็นขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ตัวเลขนี้ก็จะลดลงไปอย่างแน่นอน เมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกันทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และที่สำคัญคือประชาชนทุกคน

     มหาวิทยาลัยพะเยาพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ ทั้งในฐานะองค์กรต้นแบบด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมเพื่อจัดการขยะ และแหล่งเรียนรู้ที่สร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคม เราหวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างเล็ก ๆ เพื่อสิ่งแวดล้อม เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ มักเริ่มต้นจากก้าวเล็ก ๆ ของแต่ละคน และเมื่อเรารวมกันเป็นพลัง เราก็จะสามารถสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้




ข้อมูล: ศูนย์สิ่งแวดล้อมและการจัดการที่ยั่งยืน

เขียน/เรียบเรียง: บรรเจิด หงษ์จักร นักประชาสัมพันธ์ งานสื่อสารองค์กร มหาวิทยบาลัยพะเยา



facebooktwitterline

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ภาพ :      
ข้อมูล/ข่าว :      
เพิ่มข่าวโดย :   bunjerd.ho@up.ac.th   
19/12/2568 14:49 น. (13 ชั่วโมงที่แล้ว)

สถิติการอ่านข่าวนี้
วันนี้: 3 ครั้ง | เมื่อวาน: 18 ครั้ง | เดือนนี้: 21 ครั้ง | ปีนี้: 21 ครั้ง | รวม: 21 ครั้ง