เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุดม งามเมืองสกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและบุคลากร ได้เดินทางไปศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนทางวิชาการ ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ (Shanghai University, Law School) สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสองสถาบัน และวางรากฐานสำหรับการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในอนาคต

การเยือนในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านกฎหมายทั้งในเชิงวิชาการและวิชาชีพ รวมถึงเปิดโอกาสในการร่วมมือด้านการวิจัย การจัดกิจกรรมวิชาการ การแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษา ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการศึกษากฎหมายของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ให้สามารถเชื่อมโยงกับนานาชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เป็นคณะที่มีความโดดเด่นด้านวิชาการ โดยเปิดสอนทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท มุ่งเน้นการเรียนการสอนที่ผสมผสานทฤษฎีกับภาคปฏิบัติอย่างลงตัว โดยเฉพาะการส่งเสริมทักษะวิชาชีพกฎหมายผ่านการจัดตั้ง “คลินิกกฎหมาย” ซึ่งเป็นพื้นที่ให้บริการด้านวิชาการแก่สาธารณชนและเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงปฏิบัติจริงสำหรับนักศึกษา นอกจากนี้ยังมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายเปรียบเทียบ และกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมทั้งจัดกิจกรรมวิชาการในระดับชาติและนานาชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพทางวิชาการให้เท่าทันบริบทของโลกในยุคโลกาภิวัตน์

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ (Shanghai University – 上海大学) ตั้งอยู่ในมหานครเซี่ยงไฮ้ เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศจีน เป็นมหาวิทยาลัยภายใต้โครงการ 211 และ Double First-Class ซึ่งเป็นโครงการระดับชาติของจีนที่มุ่งพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ มีสถานะเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแบบครบวงจร ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2465 มีความเป็นมาทางวิชาการอันยาวนาน ปัจจุบันมี 3 วิทยาเขต ได้แก่ เป่าซาน, เหยียนฉาง, และ เหยียนเจียติ้ง ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 1,125 ไร่

การเดินทางเยือนและหารือในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันการศึกษาไทย-จีนเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูให้กับโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และเสริมสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนในด้านกฎหมาย อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของนิสิตและบุคลากรของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยาในระยะยาวต่อไป